ผลการศึกษาของ Zoho Workplace เผย ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำ ด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและความพร้อมด้านความปลอดภัย



สิงคโปร์ - Media OutReach Newswire - 22 เมษายน 2568 - Zoho บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเจนไน ได้เปิดเผยผลการสำรวจระดับโลกในหัวข้อ "Workplace Digital Transformation Survey 2025" หรือ"รายงานการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในที่ทำงานปี 2568" โดยผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) เป็นผู้นำในหลายด้านสำคัญ ซึ่งแซงหน้าภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก ทั้งการนำระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์มาใช้ การใช้งานเครื่องมือทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI และกระบวนการทำงานร่วมกันที่มีโครงสร้างชัดเจน ผลการศึกษาของ Zoho Workplace แพลตฟอร์มอีเมลและระบบการทำงานร่วมกันระดับองค์กร ที่ดำเนินการสำรวจครอบคลุมหลายอุตสาหกรรมและองค์กรขนาดต่าง ๆ พบว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) มีคะแนนความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ 66.35% ซึ่งสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วและค่าเฉลี่ยทั่วโลก (62.3%) การศึกษายังชี้ให้เห็นเพิ่มเติมว่า องค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการนำเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมาใช้สูงที่สุด ได้แก่ การใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (40%) การอบรมความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (44%) และนโยบายการทำงานระยะไกลอย่างปลอดภัย (44%) นอกจากนี้ การนำระบบค้นหาและดึงข้อมูลด้วย AI มาใช้งานในภูมิภาคนี้ ยังสูงถึง 54% ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 28% อย่างเห็นได้ชัด

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นผู้นำระดับโลกในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในที่ทำงาน ด้วยคะแนนความพร้อมที่มากถึง 66.35
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นผู้นำระดับโลกในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในที่ทำงาน ด้วยคะแนนความพร้อมที่มากถึง 66.35

ประมาณ 76% ของผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่ในระดับความพร้อมขั้นสูง (ระดับ 3 ขึ้นไป) สะท้อนให้เห็นถึงการนำเครื่องมือและกระบวนการที่มีความซับซ้อนมาใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการทำงาน จากผลการสำรวจยังคาดการณ์ว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะสามารถพัฒนาไปสู่ระดับความพร้อมสูงสุดในด้านการทำงานดิจิทัลภายใน 10 ปีข้างหน้า หากยังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านนี้

โมเดลความก้าวหน้าของการเปลี่ยนผ่านสู่การทำงานดิจิทัล (Digital Transformation: DX) ถูกพัฒนาขึ้นโดยอิงจากตัวชี้วัดในสถานที่ทำงาน เช่น เครื่องมือและกระบวนการดิจิทัล รวมถึงตัวชี้วัดด้านประสิทธิภาพของพนักงาน เช่น ความสามารถในการทำงาน การทำงานร่วมกัน และความพร้อมด้านความปลอดภัย โดยโมเดลนี้แบ่งระดับความก้าวหน้าออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ การดำเนินงานแบบไม่เป็นทางการ (ใช้เครื่องมือและกระบวนการแบบน้อยมากหรือเฉพาะกิจ) การสร้างมาตรฐานการทำงาน (มีการกำหนดมาตรฐานของเครื่องมือและกระบวนการทำงาน) การดำเนินงานแบบมีโครงสร้าง (มีการบูรณาการขั้นสูงระหว่างแผนกต่าง ๆ) และการเพิ่มประสิทธิภาพ (มีการพัฒนาและปรับปรุงเครื่องมือและกระบวนการอย่างต่อเนื่อง) นอกจากตัวชี้วัดเหล่านี้ การสำรวจยังได้วัดประสบการณ์ของพนักงาน ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงต่อสถานที่ทำงาน และการนำเครื่องมือดิจิทัล เช่น AI และระบบวิเคราะห์ข้อมูล มาใช้งานด้วย

Gibu Mathew รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของ Zoho ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่การทำงานแบบดิจิทัล โดยองค์กรต่าง ๆ เร่งนำเครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกัน มาตรการด้านความปลอดภัย และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้อย่างรวดเร็ว งานวิจัยของเราชี้ให้เห็นว่า องค์กรในภูมิภาคนี้ไม่เพียงยอมรับเทคโนโลยีการทำงานยุคใหม่เท่านั้น แต่ยังสามารถผสานการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อยกระดับทั้งความสามารถในการผลิต และความปลอดภัย เราเห็นแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในผลิตภัณฑ์ของเราด้วยเช่นกัน โดยจำนวนลูกค้าของ Zoho Workplace ในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 15% ในปี 2024 โดยเฉพาะเวียดนามที่เติบโตสูงสุดด้วยอัตราการเพิ่มขึ้นของลูกค้ามากกว่า 40% สำหรับ Zoho Workplace ในขณะที่ธุรกิจต่าง ๆ ก้าวหน้าขึ้น การมีรากฐานที่แข็งแกร่งในด้านความพร้อมของสถานที่ทำงานดิจิทัล จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จในระยะยาว"

ข้อมูลสำคัญด้านผลิตภาพและการทำงานร่วมกันในสถานที่ทำงานของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

จากผลการสำรวจ พบว่าองค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีคะแนนสูงสำหรับตัวชี้วัดด้านผลิตภาพ แต่มีคะแนนเฉลี่ยด้านการทำงานร่วมกัน โดยหลายองค์กรมีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือที่ใช้ในสถานที่ทำงาน เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเครื่องมือด้านผลิตภาพมักถูกนำมาใช้ในการทำงานระดับทีม ขณะที่เครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันและความปลอดภัยมักถูกนำมาใช้ในการทำงานระดับองค์กร ข้อมูลสำคัญที่พบจากการศึกษา มีดังนี้:

1. การทำงานร่วมกันข้ามทีมและการจัดการคำร้องภายใน
เอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำในการนำระบบจัดการคำร้องภายในมาใช้ (56%) รวมถึงการใช้เครื่องมือแชทภายในทีมสำหรับการทำงานร่วมกันที่ไม่ซับซ้อน (72%) อย่างไรก็ตาม 30% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าการจัดการคำร้องที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อประสิทธิผลโดยรวมขององค์กร

2. ช่องทางการประกาศภายในและการใช้โซเชียลอินทราเน็ต
องค์กรในเอเชียแปซิฟิกมีการใช้งานโซเชียลอินทราเน็ต 27% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่มีการใช้งานน้อยกว่า 20% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการสื่อสารแบบรวมศูนย์ อีเมลระดับองค์กรยังคงเป็นช่องทางประกาศหลัก โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานมากขึ้น (41%) และองค์กรขนาดใหญ่ (40%)

3. การทำงานร่วมกันผ่านเอกสารและกลไกการให้ข้อเสนอแนะ
มีเพียง 32% ของผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ใช้การทำงานร่วมกันผ่านเอกสารอย่างเป็นระบบ แต่กว่า 70% เห็นตรงกันว่าการได้รับข้อเสนอแนะแบบตรงไปตรงมา เป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพ องค์กรขนาดใหญ่ (54%) มักเปิดรับข้อเสนอแนะผ่านเอกสาร ขณะที่ทีมพัฒนาระบบ (40%) และผู้บริหาร (33%) มักนิยมการอภิปรายแบบโต้ตอบผ่านแชทภายในทีม

ข้อมูลสำคัญด้านเครื่องมือและมาตรการความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพของความปลอดภัยและการนำเครื่องมือในสถานที่ทำงานมาใช้งาน โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การศึกษานี้ได้เผยให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่กำลังกำหนดทิศทางด้านความปลอดภัยของภูมิภาค ได้แก่:

1. การนำมาตรการความปลอดภัยมาใช้และการปฏิบัติตามข้อกำหนดในเอเชียแปซิฟิก
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำด้านการฝึกอบรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ (44%) และการใช้ระบบยืนยันตัวตนขั้นสูง (40%) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ต่ำกว่า 35% แนวทางการทำงานระยะไกลอย่างปลอดภัยถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในภาคการศึกษา (49%) และองค์กรขนาดใหญ่ (46%) อย่างไรก็ตาม การรายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยยังคงอยู่ที่ 20% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำ

2. การจัดการอีเมลต้องสงสัยและการตรวจจับภัยคุกคาม
มีสถานที่ทำงานในเอเชียแปซิฟิกไม่ถึง 10% ที่ใช้ระบบแจ้งเตือนความปลอดภัยขั้นสูงในการตรวจจับอีเมลต้องสงสัย โดยภาครัฐและองค์กรขนาดใหญ่มีอัตราการปฏิบัติตามมาตรการการรายงานภัยคุกคามสูงที่สุด (48%)

3. การจัดการบัญชีที่ใช้งานร่วมกันและข้อมูลรับรอง
ผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียแปซิฟิก 40% ใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน แต่ยังมีอีก 30% ที่ยังคงใช้วิธีที่ไม่ปลอดภัย เช่น การเก็บรหัสผ่านในไฟล์ Excel ขณะที่การควบคุมสิทธิ์เข้าถึงตามบทบาท (Role-based access) มีการนำมาใช้มากที่สุดในภาครัฐ (56%) และองค์กรขนาดใหญ่ (49%) ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับมาตรการควบคุมด้านความปลอดภัย

การนำ AI มาใช้ในสถานที่ทำงาน

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำด้านการนำ AI มาใช้งาน ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าได้นำระบบค้นหาและดึงข้อมูลด้วย AI มาใช้โดยเฉลี่ย 54% ซึ่งสูงกว่าภูมิภาคอื่นอย่างชัดเจน เครื่องมือสื่อสารที่ขับเคลื่อนด้วย AI ก็ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน (50%) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (56%) และค้าปลีก (56%) นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analytics) ที่ 40% และการทำงานอัตโนมัติผ่านเวิร์กโฟลว์ (43%) ได้ถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้เอเชียแปซิฟิกยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล

ประสบการณ์ในสถานที่ทำงานและการจัดการการเปลี่ยนแปลง

ประสบการณ์ในสถานที่ทำงานของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยองค์กรที่ปรับปรุงเครื่องมือการทำงานให้ทันสมัย จะมีคะแนนความพร้อมที่สูงขึ้นและมีความพึงพอใจของพนักงานที่ดีขึ้น การศึกษานี้ได้สำรวจแนวโน้มสำคัญด้านความพร้อมของสถานที่ทำงาน การอัปเกรดเครื่องมือ และผลกระทบที่มีต่อประสบการณ์การทำงานของพนักงาน:

1. ความพร้อมของสถานที่ทำงานและประสบการณ์ของพนักงาน
ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างความพร้อมของเครื่องมือในสถานที่ทำงานและ ประสบการณ์ของพนักงาน องค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้ปรับปรุงเครื่องมือในสถานที่ทำงานอย่างครบถ้วน จะมีคะแนนความพร้อมที่ 68.2% และประสบการณ์เชิงบวกในสถานที่ทำงานที่ 57.8% ซึ่งสูงกว่าองค์กรที่ไม่ได้มีการปรับปรุงเครื่องมืออย่างมีนัยสำคัญ

2. การอัปเกรดเครื่องมือและผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล
องค์กรที่ได้ทำการเปลี่ยนเครื่องมือหลัก เช่น ERP และ CRM มีคะแนนความพร้อมที่ 67.0% และพนักงาน 39.7% รายงานว่าได้รับประสบการณ์เชิงบวก อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนเครื่องมือเฉพาะทาง เช่น ซอฟต์แวร์การจัดการโครงการ พบว่ามีอัตราความพึงพอใจต่ำกว่า (34.5%) ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายในการโยกย้ายระบบและการหยุดชะงักของกระบวนการทำงาน

แนวทางสู่การบรรลุความพร้อมสูงสุดในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในสถานที่ทำงาน

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเครื่องมือการทำงานร่วมกัน มาตรการรักษาความปลอดภัย และโซลูชัน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและประสบการณ์ของพนักงาน แม้ว่ายังมีความท้าทายอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของการทำงานร่วมกันผ่านเอกสารและการรายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย แต่ภูมิภาคนี้กำลังก้าวไปอย่างมั่นใจเพื่อให้บรรลุความพร้อมด้านดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบภายใน 10 ปีข้างหน้า องค์กรต่าง ๆ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและนำแพลตฟอร์มที่ทันสมัยมาใช้ในสถานที่ทำงาน เพื่อให้บรรลุความพร้อมนี้ พร้อมทั้งมุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานข้ามแผนกต่าง ๆ ภายในองค์กร การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจต้องใช้งบประมาณ 500-1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีในช่วง 10 ปีข้างหน้า

สำหรับผลการศึกษาทั่วโลกฉบับสมบูรณ์ คลิกที่นี่ และสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการศึกษาได้ที่นี่





Hashtag: #zoho

The issuer is solely responsible for the content of this announcement.
เกี่ยวกับ Zoho
เกี่ยวกับ Zoho
Zoho Corporation คือหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ซึ่งมีแอปพลิเคชันกว่า 55 รายการ ที่ครอบคลุมเกือบทุกหมวดหมู่ธุรกิจสำคัญ Zoho เป็นบริษัทเอกชนที่ทำกำไรได้และมีพนักงานมากกว่า 15,000 คนทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ออสติน, เท็กซัส และสำนักงานใหญ่ระดับนานาชาติอยู่ที่เจนไน, อินเดีย ขณะที่สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่

Zoho ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยไม่ใช้โมเดลรายได้จากโฆษณาในทุกส่วนของธุรกิจ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฟรี โดยบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการศูนย์ข้อมูลด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถควบคุมข้อมูลลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ปัจจุบัน Zoho มีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคน จากองค์กรหลายแสนแห่งทั่วโลกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราในการดำเนินธุรกิจประจำวัน
โดยตัวบริษัท Zoho เองก็ใช้โซลูชันเหล่านี้ด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่

SOURCE:

Zoho Corporation

CATEGORY:

Business

PUBLISHED ON:

22 Apr 2025 09:00am

Past Press Releases

MORE

Talk to Media OutReach Newswire today

CONTACT US NOW