LGT รายงานมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การบริหารจัดการ (AuM) เพิ่มขึ้น 16% มุ่งลงทุนเพื่อการเติบโตและในเทคโนโลยีดิจิทัล
วาดุซ, ลิกเตนสไตน์ -
Media OutReach Newswire - 18 มีนาคม 2568 - แอลจีที (LGT) กลุ่มบริษัทชั้นนำที่ดำเนินงานด้านไพรเวทแบงก์กิ้งและการบริหารสินทรัพย์ในระดับนานาชาติ ซึ่งบริหารงานโดยราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ รายงานผลการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งในปี 2567 โดยยังคงดำเนินตามแผนการเติบโตเชิงกลยุทธ์และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง มูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การบริหารจัดการ (AuM) เพิ่มขึ้น 16% รวมทั้งสิ้น 3.675 แสนล้านฟรังก์สวิส โดยมีจำนวน 1.19 หมื่นล้านฟรังก์สวิสที่มาจากสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้น LGT ยังคงเน้นการลงทุนด้านการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศและแพลตฟอร์มเทคโนโลยี ซึ่งทั้งสองด้านนี้มีความก้าวหน้าอย่างน่าพึงพอใจ รายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น 13% สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักของ LGT รายได้จากการดำเนินงานทั้งหมดเพิ่มขึ้น 4% กำไรรวมของกลุ่มอยู่ที่ 356.2 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งลดลง 5% เมื่อเทียบกับผลงานที่แข็งแกร่งในปีก่อน อย่างไรก็ตาม LGT คาดว่าปี 2568 มีแน้วโน้มที่ดีและด้วยโครงสร้างรูปแบบธุรกิจที่มั่นคง ทำให้ LGT สามารถสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าผ่านบริการการบริหารความมั่งคั่งและการจัดการสินทรัพย์ที่ครอบคลุมต่อไป
โดยภาพรวม การดำเนินงานตลาดการเงินระหว่างประเทศในปี 2567 มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ แม้จะเผชิญกับความผันผวนทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การคาดการณ์ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดโลกยังคงเป็นไปด้วยความท้าทาย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ LGT ยังคงดำเนินตามแผนธุรกิจด้านการเติบโตและการลงทุนในระยะยาว โดยมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและการเปลี่ยนสู่เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการขยายตลาดในประเทศเยอรมนี ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และไทย การเข้าซื้อธุรกิจบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งจากอเบอร์ดีน (abrdn) ในสหราชอาณาจักรได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้วและได้รวมอยู่ในผลประกอบการของ LGT ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 เป็นต้นมา เพื่อขยายธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้งในตลาดออสเตรเลีย LGT ได้ประกาศในเดือนพฤศจิกายน 2567 ว่าจะเข้าซื้อกิจการธุรกิจให้คำปรึกษาส่วนบุคคล (Private Advice) ของธนาคาร Commonwealth Bank of Australia ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2568
รายได้การดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัทได้เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเป็นจำนวน 2.67 พันล้านฟรังก์สวิส รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 13% อยู่ที่ 1.77 พันล้านฟรังก์สวิส เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์รวมที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่สูงขึ้น จากผลกระทบเชิงบวกของการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 33% เป็น 347.9 ล้านฟรังก์สวิสท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยกลับสู่ภาวะปกติรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์และรายได้จากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 13% เป็น 556.6 ล้านฟรังก์สวิส โดยปัจจัยหลักเกิดจากธุรกรรมลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและฐานมูลค่าสินทรัพย์รวมที่สูงขึ้น
ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเพิ่มขึ้น 9% เป็น 1.62 พันล้านฟรังก์สวิส เนื่องจากการเติบโตโดยรวมของจำนวนบุคลากร ทั้งที่เป็นการเติบโตจากภายในและจากการควบรวมกับ abrdn ในขณะที่การค้างจ่ายสำหรับค่าตอบแทนระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับผลการดำเนินงานนั้นต่ำกว่าในปีก่อน ค่าใช้จ่ายด้านธุรกิจและสำนักงานเพิ่มขึ้น 9% เป็น 465.8 ล้านฟรังก์สวิส โดยมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนไอทีที่สูงขึ้นสำหรับโครงการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล ด้านค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ และค่าสำรองหนี้เสีย ลดลง 24% สู่ระดับ 152.7 ล้านฟรังก์สวิส โดยส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าสำรองหนี้เสีย
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 78.0% ณ สิ้นปี 2567 เมื่อเทียบกับ 74.2% ณ สิ้นปี 2566 กำไรของกลุ่มในปี 2567 อยู่ที่ 356.2 ล้านฟรังก์สวิส ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน LGT มีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 สูงถึง 18.2% ณ สิ้นปี 2567 และมีระดับสภาพคล่องที่ดี
การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ
ในปี 2567 LGT มีการรายงานจำนวนเม็ดเงินใหม่สุทธิอยู่ที่ 1.19 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 4% ทั้งธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้งและการจัดการสินทรัพย์มีส่วนเกี่ยวข้องในการเติบโตของกลุ่มสินทรัพย์ใหม่นี้ สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 3.675 แสนล้านฟรังก์สวิส ณ สิ้นปี 2567 นอกจากกระแสเงินสดสุทธิจากการลงทุนแล้ว ยังสะท้อนถึงผลการดำเนินงานในตลาดที่ดีและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เอื้ออำนวยอีกด้วย
แนวโน้มภาพรวม
โดยรวม LGT มีแนวโน้มที่ดีสำหรับปี 2568 ต่อยอดจากรูปแบบธุรกิจที่มั่นคง LGT มุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าผ่านการบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งที่คลอบคลุม การพัฒนาขีดความสามารถด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการลงทุนที่ยั่งยืนและเอกสิทธิ์ในการเข้าถึงสินทรัพย์นอกตลาด โดยยังคงดึงดูดความสนใจจากทั้งลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งของ LGT และลูกค้าสถาบันของ LGT Capital Partners
LGT ได้ขยายธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้งในตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สอดคล้องไปกับแผนกลยุทธ์การเติบโตระดับสากล นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในประเทศออสเตรเลีย อินเดีย ไทย และญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงการขยายธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้งไปยังประเทศเยอรมนี ผลประกอบการของ LGT ในตลาดเหล่านี้ได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ และหลังจากช่วงเวลาแห่งการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ LGT กำลังให้ความสำคัญยิ่งขึ้นกับการรวมกิจการ รวมถึงการบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันและการประหยัดเนื่องจากขนาด (economy of scale) ในขณะเดียวกัน LGT มุ่งเน้นเสริมความแข็งแกร่งในตลาดต่าง ๆ และพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการไพรเวทแบงก์กิ้งให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
LGT ยังคงดำเนินตามแผนธุรกิจปรับสู่ความเป็นดิจิทัล ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปี 2566 ซึ่งรวมถึงการลงทุน 200 ล้านฟรังก์สวิสในระยะเวลา 5 ปี โดยมีศูนย์เพื่อการพัฒนาด้านดิจิทัลในเมืองบาร์เซโลนาที่พร้อมส่งเสริมนวัตกรรมและเครื่องมือใหม่ ๆ เป้าหมายของ LGT คือการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (generative artificial intelligence) เพื่อมอบบริการที่ล้ำสมัยแก่ลูกค้า ในขณะเดียวกัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร
เจ้าชายแมกซ์ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตน์ ประธานกรรมการ LGT กล่าวว่า "LGT เห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 ซึ่งเป็นการตอกย้ำที่มั่นคงสำหรับความสำเร็จในอนาคต เรายังคงดำเนินตามแผนธุรกิจในระยะยาว เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของเราทั้งในตลาดใหม่และตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบันทั่วยุโรปและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจระดับโลก คือการเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ให้กับลูกค้าของเรา ที่พร้อมให้คำแนะนำและความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ในฐานะบริษัทที่ดำเนินกิจการโดยครอบครัว LGT มีรูปแบบธุรกิจที่มั่นคงและบริการด้านการบริหารจัดการความมั่งคั่งและสินทรัพย์ที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของเรา ทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นอนาคต"
เกี่ยวกับ แอลจีที
LGT คือผู้นำกลุ่มบริษัทด้านการบริการไพรเวทแบงก์กิ้งและการจัดการสินทรัพย์นานาชาติ ซึ่งบริหารงานโดยราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ มาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 90 ปี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 LGT มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมูลค่า 3.675 แสนล้านฟรังก์สวิส (4.056 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้กับลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่ง และลูกค้าสถาบัน มีพนักงานมากกว่า 6,000 คน ในสำนักงานมากกว่า 30 แห่งทั้งในภูมิภาคยุโรป เอเชีย อเมริกา ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง www.lgt.com
ตัวเลขสำคัญ ณ วันที่ 31.12.2567
1สินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นในปี 2566 รวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญจากลูกค้ารายใหญ่ของ LGT Capital Partners มูลค่า 6.7 พันล้านฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
² การเข้าซื้อธุรกิจบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่ง abrdn ในสหราชอาณาจักร ณ วันที่ 1 กันยายน 2566
3 อัตราส่วน CET1 ของ LGT เท่ากับอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งหมด
ตรวจสอบเมื่อวันที่: 24 เมษายน 2568
(เอกสารฉบับนี้แปลจากข่าวประชาสัมพันธ์ต้นฉบับที่เผยแพร่ใน ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 ในกรณีที่มีความคลาดเคลื่อนระหว่างเอกสารทั้งสองฉบับ โปรดยึดถือตามข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารต้นฉบับภาษาอังกฤษ)
โดยภาพรวม การดำเนินงานตลาดการเงินระหว่างประเทศในปี 2567 มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ แม้จะเผชิญกับความผันผวนทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การคาดการณ์ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดโลกยังคงเป็นไปด้วยความท้าทาย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ LGT ยังคงดำเนินตามแผนธุรกิจด้านการเติบโตและการลงทุนในระยะยาว โดยมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและการเปลี่ยนสู่เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการขยายตลาดในประเทศเยอรมนี ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และไทย การเข้าซื้อธุรกิจบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งจากอเบอร์ดีน (abrdn) ในสหราชอาณาจักรได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้วและได้รวมอยู่ในผลประกอบการของ LGT ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 เป็นต้นมา เพื่อขยายธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้งในตลาดออสเตรเลีย LGT ได้ประกาศในเดือนพฤศจิกายน 2567 ว่าจะเข้าซื้อกิจการธุรกิจให้คำปรึกษาส่วนบุคคล (Private Advice) ของธนาคาร Commonwealth Bank of Australia ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2568
รายได้การดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัทได้เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเป็นจำนวน 2.67 พันล้านฟรังก์สวิส รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 13% อยู่ที่ 1.77 พันล้านฟรังก์สวิส เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์รวมที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่สูงขึ้น จากผลกระทบเชิงบวกของการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 33% เป็น 347.9 ล้านฟรังก์สวิสท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยกลับสู่ภาวะปกติรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์และรายได้จากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 13% เป็น 556.6 ล้านฟรังก์สวิส โดยปัจจัยหลักเกิดจากธุรกรรมลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและฐานมูลค่าสินทรัพย์รวมที่สูงขึ้น
ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเพิ่มขึ้น 9% เป็น 1.62 พันล้านฟรังก์สวิส เนื่องจากการเติบโตโดยรวมของจำนวนบุคลากร ทั้งที่เป็นการเติบโตจากภายในและจากการควบรวมกับ abrdn ในขณะที่การค้างจ่ายสำหรับค่าตอบแทนระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับผลการดำเนินงานนั้นต่ำกว่าในปีก่อน ค่าใช้จ่ายด้านธุรกิจและสำนักงานเพิ่มขึ้น 9% เป็น 465.8 ล้านฟรังก์สวิส โดยมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนไอทีที่สูงขึ้นสำหรับโครงการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล ด้านค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ และค่าสำรองหนี้เสีย ลดลง 24% สู่ระดับ 152.7 ล้านฟรังก์สวิส โดยส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าสำรองหนี้เสีย
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 78.0% ณ สิ้นปี 2567 เมื่อเทียบกับ 74.2% ณ สิ้นปี 2566 กำไรของกลุ่มในปี 2567 อยู่ที่ 356.2 ล้านฟรังก์สวิส ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน LGT มีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 สูงถึง 18.2% ณ สิ้นปี 2567 และมีระดับสภาพคล่องที่ดี
การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ
ในปี 2567 LGT มีการรายงานจำนวนเม็ดเงินใหม่สุทธิอยู่ที่ 1.19 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 4% ทั้งธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้งและการจัดการสินทรัพย์มีส่วนเกี่ยวข้องในการเติบโตของกลุ่มสินทรัพย์ใหม่นี้ สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 3.675 แสนล้านฟรังก์สวิส ณ สิ้นปี 2567 นอกจากกระแสเงินสดสุทธิจากการลงทุนแล้ว ยังสะท้อนถึงผลการดำเนินงานในตลาดที่ดีและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เอื้ออำนวยอีกด้วย
แนวโน้มภาพรวม
โดยรวม LGT มีแนวโน้มที่ดีสำหรับปี 2568 ต่อยอดจากรูปแบบธุรกิจที่มั่นคง LGT มุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าผ่านการบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งที่คลอบคลุม การพัฒนาขีดความสามารถด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการลงทุนที่ยั่งยืนและเอกสิทธิ์ในการเข้าถึงสินทรัพย์นอกตลาด โดยยังคงดึงดูดความสนใจจากทั้งลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งของ LGT และลูกค้าสถาบันของ LGT Capital Partners
LGT ได้ขยายธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้งในตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สอดคล้องไปกับแผนกลยุทธ์การเติบโตระดับสากล นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในประเทศออสเตรเลีย อินเดีย ไทย และญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงการขยายธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้งไปยังประเทศเยอรมนี ผลประกอบการของ LGT ในตลาดเหล่านี้ได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ และหลังจากช่วงเวลาแห่งการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ LGT กำลังให้ความสำคัญยิ่งขึ้นกับการรวมกิจการ รวมถึงการบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันและการประหยัดเนื่องจากขนาด (economy of scale) ในขณะเดียวกัน LGT มุ่งเน้นเสริมความแข็งแกร่งในตลาดต่าง ๆ และพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการไพรเวทแบงก์กิ้งให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
LGT ยังคงดำเนินตามแผนธุรกิจปรับสู่ความเป็นดิจิทัล ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปี 2566 ซึ่งรวมถึงการลงทุน 200 ล้านฟรังก์สวิสในระยะเวลา 5 ปี โดยมีศูนย์เพื่อการพัฒนาด้านดิจิทัลในเมืองบาร์เซโลนาที่พร้อมส่งเสริมนวัตกรรมและเครื่องมือใหม่ ๆ เป้าหมายของ LGT คือการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (generative artificial intelligence) เพื่อมอบบริการที่ล้ำสมัยแก่ลูกค้า ในขณะเดียวกัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร
เจ้าชายแมกซ์ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตน์ ประธานกรรมการ LGT กล่าวว่า "LGT เห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 ซึ่งเป็นการตอกย้ำที่มั่นคงสำหรับความสำเร็จในอนาคต เรายังคงดำเนินตามแผนธุรกิจในระยะยาว เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของเราทั้งในตลาดใหม่และตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบันทั่วยุโรปและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจระดับโลก คือการเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ให้กับลูกค้าของเรา ที่พร้อมให้คำแนะนำและความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ในฐานะบริษัทที่ดำเนินกิจการโดยครอบครัว LGT มีรูปแบบธุรกิจที่มั่นคงและบริการด้านการบริหารจัดการความมั่งคั่งและสินทรัพย์ที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของเรา ทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นอนาคต"
เกี่ยวกับ แอลจีที
LGT คือผู้นำกลุ่มบริษัทด้านการบริการไพรเวทแบงก์กิ้งและการจัดการสินทรัพย์นานาชาติ ซึ่งบริหารงานโดยราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ มาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 90 ปี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 LGT มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมูลค่า 3.675 แสนล้านฟรังก์สวิส (4.056 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้กับลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่ง และลูกค้าสถาบัน มีพนักงานมากกว่า 6,000 คน ในสำนักงานมากกว่า 30 แห่งทั้งในภูมิภาคยุโรป เอเชีย อเมริกา ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง www.lgt.com
ตัวเลขสำคัญ ณ วันที่ 31.12.2567
|
31.12.2567
|
31.12.2566
|
การเปลี่ยนแปลง %
|
|
|
|
|
งบกำไรขาดทุนรวม (หน่วย: ล้านฟรังก์สวิส)
|
|
|
|
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิและผลขาดทุนจากสินเชื่อ
|
347.9
|
517.2
|
-33
|
รายได้จากการบริการ
|
1 765.3
|
1 556.2
|
13
|
รายได้จากธุรกรรมซื้อขายและรายได้ดำเนินงานอื่น ๆ
|
556.6
|
493.5
|
13
|
รายได้จากการดำเนินงานทั้งหมด
|
2 669.8
|
2 567.0
|
4
|
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากร
|
1 617.3
|
1 478.0
|
9
|
ค่าใช้จ่ายทางธุรกิจและสำนักงาน
|
465.8
|
427.8
|
9
|
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด
|
2 083.0
|
1 905.8
|
9
|
ค่าเสื่อมราคา การตัดจำหน่าย และสำรองค่าใช้จ่าย
|
152.7
|
201.8
|
-24
|
ภาษีและส่วนแบ่งของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย
|
77.9
|
84.0
|
-7
|
กำไรรวมของกลุ่ม
|
356.2
|
375.3
|
-5
|
|
|
|
|
มูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทจัดการ (หน่วย: พันล้านฟรังก์สวิส)
|
367.5
|
316.0
|
16
|
|
|
|
|
สินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้น (หน่วย: พันล้านฟรังก์สวิส)
|
11.9
|
21.91
|
|
|
|
|
|
การเติบโตของสินทรัพย์จากการควบซื้อกิจการ (หน่วย:พันล้านฟรังก์สวิส)2
|
0.0
|
6.4
|
|
|
|
|
|
สินทรัพย์รวม (หน่วย: พันล้านฟรังก์สวิส)
|
61.3
|
58.1
|
5
|
|
|
|
|
เงินทุนของกลุ่มบริษัท (หน่วย: ล้านฟรังก์สวิส)
|
6 013
|
5 987
|
0
|
|
|
|
|
อัตราส่วน
|
|
|
|
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้
|
78.0 %
|
74.2 %
|
|
อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ3
|
18.2 %
|
19.9 %
|
|
อัตราส่วนสภาพคล่องสำรอง
|
207.8 %
|
235.9 %
|
|
|
|
|
|
จำนวนพนักงาน
|
6 049
|
5 638
|
7
|
|
|
|
|
อันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของ LGT Bank Ltd. จาก Moody's และ Standard & Poor's
|
Aa2/A+
|
Aa2/A+
|
|
1สินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นในปี 2566 รวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญจากลูกค้ารายใหญ่ของ LGT Capital Partners มูลค่า 6.7 พันล้านฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
² การเข้าซื้อธุรกิจบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่ง abrdn ในสหราชอาณาจักร ณ วันที่ 1 กันยายน 2566
3 อัตราส่วน CET1 ของ LGT เท่ากับอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งหมด
ตรวจสอบเมื่อวันที่: 24 เมษายน 2568
(เอกสารฉบับนี้แปลจากข่าวประชาสัมพันธ์ต้นฉบับที่เผยแพร่ใน ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 ในกรณีที่มีความคลาดเคลื่อนระหว่างเอกสารทั้งสองฉบับ โปรดยึดถือตามข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารต้นฉบับภาษาอังกฤษ)
The issuer is solely responsible for the content of this announcement.
Past Press Releases
#Business
#Finance
18 March 2025 6:35pm HKT